สัมภาษณ์บริษัททัวร์ไทย | เทรนด์ท่องเที่ยวต่างประเทศล่าสุดสำหรับคนไทย (ตอนที่ 2)

22.09.25 Last Update:22.09.25

เราได้ไปสัมภาษณ์คุณพลอย ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการของบริษัทท่องเที่ยวสัญชาติไทย “PKG JOURNEY LINE CO., LTD.” เพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์การท่องเที่ยวต่างประเทศล่าสุดของคนไทยจากมุมมองของบริษัทท่องเที่ยว

อ่านตอนแรกที่นี่

สิ่งที่นักท่องเที่ยวชาวไทยมองหาจากเว็บไซต์ทางการของโรงแรมคือคุณภาพของข้อมูล! และสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ… (ตอนจบ)

สำนักงานใหญ่ของ PKG JOURNEY LINE CO., LTD. ตั้งอยู่ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ในประเทศไทย

เว็บไซต์: https://pkgjourney.co/

Pimpla (สถาบันการตลาดไทย)
คุณบอกว่าการเดินทางแบบส่วนตัวมากขึ้น มีความคิดเห็นจากลูกค้าเกี่ยวกับที่พัก, โรงแรม, หรือเรียวกังในญี่ปุ่นไหมครับ?

คุณพลอย
ก็มีนะคะ ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มากับทัวร์จะชอบอาหารเย็นแบบบุฟเฟต์ ค่ะ
ส่วนเรียวกังที่มีอาหารญี่ปุ่นแบบจัดเต็ม ลูกค้าจะต้องการห้องน้ำส่วนตัวมาก ๆ เลยค่ะ
และถ้ามีบ่อน้ำพุร้อนส่วนตัวด้วยก็จะยิ่งดีเลยค่ะ
เพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ชินกับการอาบน้ำรวมค่ะ เลยรู้สึกเขินที่จะอาบน้ำในที่สาธารณะกับคนที่ไม่รู้จัก
แต่ถ้าต้องอาบน้ำกับคนรู้จักก็ยิ่งเขินกว่าค่ะ (หัวเราะ)

Pimpla (สถาบันการตลาดไทย)
คนญี่ปุ่นมีคำว่า “การอาบน้ำตัวเปล่า” เพื่อสร้างความสัมพันธ์ แต่คนไทยไม่ค่อยเปิดเผยผิวหนังต่อกันเท่าไหร่เลยนะครับ
แล้วจากสไตล์การเดินทางแบบกลุ่มใหญ่มาเป็นแบบส่วนตัวหรือกลุ่มเล็ก ๆ มีข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้ากลุ่ม FIT บ้างไหมครับ?

คุณพลอย
ก็มีลูกค้าบางกลุ่มที่เปลี่ยนโรงแรมสลับกันระหว่างโรงแรมหรูกับโรงแรมราคาปานกลางเพื่อประหยัดค่าที่พักค่ะ
พวกเขามองว่าเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศและเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ลองโรงแรมใหม่ ๆ
ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ยากสำหรับลูกค้าทัวร์แบบเหมา
แล้วเงินที่เหลือจากการประหยัดค่าที่พักก็นำไปใช้กับกิจกรรมอื่น ๆ, การช้อปปิ้ง, หรืออาหารค่ะ

คุณพลอย
ก็ต้อง agoda, Trip.com, และ Booking.com ค่ะ
มันเป็นที่นิยมเพราะค้นหาราคา, ส่วนลด, หรือเงื่อนไขต่าง ๆ ได้ง่าย และยังจองและชำระเงินได้สะดวกด้วยค่ะ

คุณพลอย
ใช่ค่ะ ช่วงนี้ก็มีการจองผ่านเว็บไซต์ทางการของโรงแรมด้วยค่ะ
สิ่งที่สำคัญมากในกรณีนี้คือ ข้อมูลที่ครบถ้วนค่ะ เพราะจะทำให้ลูกค้าเชื่อถือและตัดสินใจจองผ่านเว็บไซต์ทางการได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญมากสำหรับคนไทยคือ Facebook และ Instagram อย่างเป็นทางการของโรงแรมค่ะ
ถ้ามีการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ ลูกค้าก็จะมั่นใจและมีแนวโน้มที่จะเลือกโรงแรมนั้น ๆ ค่ะ
แต่ถ้าไม่มีการอัปเดตเลย ก็อาจจะคิดว่าโรงแรมนั้นเลิกกิจการไปแล้วได้ค่ะ

Pimpla (สถาบันการตลาดไทย)
อ๋อ เข้าใจแล้วครับ! ใช้ SNS เพื่อตรวจสอบว่ายังเปิดให้บริการอยู่หรือไม่
ใช่แล้วครับ ผมเองก็อยู่ไทยตอนนี้เหมือนกันครับ ก่อนไปร้านอาหารหรือคาเฟ่กับเพื่อน ๆ ก็จะตรวจสอบจากบัญชี Facebook ของร้านก่อนบ่อย ๆ
ดูเหมือนว่า SNS ยังคงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการโปรโมทในกลุ่มคนไทยนะครับ
แล้วถ้าพูดถึง SNS มีสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นที่คนไทยถามถึงบ่อย ๆ ไหมครับ?

คุณพลอย
ลูกค้าที่มากับทัวร์ไม่ค่อยถามค่ะ เพราะเรามีโปรแกรมที่เตรียมไว้ให้แล้ว
แต่ลูกค้าที่เดินทางแบบ FIT และวางแผนการเดินทางเองจะถามเยอะค่ะ
ถามหลากหลายเรื่องเลยค่ะ แต่ที่คนส่วนใหญ่พูดถึงหลังจากช่วงโควิดก็คือ “คามิโคจิ” ค่ะ

คุณพลอย
อย่างแรกเลยคือ คามิโคจิมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และเมื่อมองจากภาพถ่ายจะดูคล้ายกับเทือกเขาแอลป์ในยุโรปค่ะ
และเทือกเขาแอลป์นี้อยู่ในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศในฝันของคนไทยค่ะ
นี่เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับคนไทยเลยค่ะ!
มันดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ดีเลยค่ะ

แต่คามิโคจิไม่ใช่สถานที่ที่ไปได้ง่ายนะคะ
เพราะมีช่วงเวลาที่ปิดทำการ และมีข้อจำกัดอื่น ๆ เช่น ห้ามนำรถส่วนตัวเข้าไป
จากจุดนี้ทำให้รู้สึกได้ว่าคนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับคามิโคจิมาก
และคนไทยก็อยากไปเที่ยวสถานที่พิเศษของคนญี่ปุ่น
นอกจากนี้ การไปเที่ยวสถานที่ใหม่ ๆ หรือสถานที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน, สัมผัสบรรยากาศ, และถ่ายรูปอัปโหลดลง SNS ก็ทำให้พวกเขารู้สึกพึงพอใจค่ะ

คุณพลอย
ขึ้นอยู่กับระยะทางและความสะดวกสบายค่ะ
ลูกค้าทัวร์ส่วนใหญ่ไม่ชอบกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังกายหรือต้องใช้เวลาเยอะค่ะ
กิจกรรมต้องทำได้ง่ายค่ะ
แต่คิดว่าน่าจะเหมาะกับกลุ่มเฉพาะหรือกลุ่ม FIT ค่ะ
คนที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้งหรือกีฬาจะชอบค่ะ
ส่วนตัวฉันเองก็สนใจมากเลยค่ะ อยากลองไปดูสักครั้ง
มันอาจจะช่วยขยายฐานลูกค้าของบริษัทเราได้ด้วยนะคะ

Pimpla (สถาบันการตลาดไทย)
งั้นเดี๋ยวผมจะลองทำโปรดักส์นี้ขึ้นมาให้ไหมครับ (หัวเราะ)

คุณพลอย
ค่ะ อยากให้ลองทำดูมากเลยค่ะ!

คุณพลอย
อันนี้ค่อนข้างยากค่ะ เพราะลูกค้ามีความหลากหลายมากขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ
แต่โดยรวมก็คล้าย ๆ กับลูกค้าทัวร์ค่ะ
โตเกียว, ดิสนีย์แลนด์, ภูเขาไฟฟูจิ, คามาคุระ, และ ตอนนี้ก็คือคามิโคจิค่ะ

Pimpla (สถาบันการตลาดไทย)
เมื่อก่อนเป็นหมู่บ้านชิราคาวาโกะ แต่ตอนนี้เป็นคามิโคจิแทนแล้วสินะครับ
แล้วอีกไม่นานกระแสของคามิโคจิจะหมดไปไหมครับ?

คุณพลอย
ก็มีความเป็นไปได้ค่ะ แต่ก็ไม่ถึงกับศูนย์ค่ะ ถ้าผ่านไปนาน ๆ กระแสความนิยมของคามิโคจิก็อาจจะลดลงได้ค่ะ
มันขึ้นอยู่กับกระแสใน SNS ค่ะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคนเคยไปแล้วไปโพสต์ใน SNS ก็จะยิ่งทำให้มันเป็นกระแสมากขึ้นค่ะ
และมีโอกาสที่คนจำนวนมากจะไปเที่ยวจนครบแล้วกระแสก็เงียบไปค่ะ

Pimpla (สถาบันการตลาดไทย)
ผมว่ามันอาจจะแตกต่างกันนิดหน่อยครับ
ผมไปเที่ยวชิราคาวาโกะกับคามิโคจิมาหลายครั้งแล้ว ความแตกต่างที่สำคัญของทั้งสองที่คือ
คามิโคจิเป็นสถานที่ที่ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อครับ
เพราะเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ เราไม่สามารถควบคุมทิวทัศน์หรือภาพถ่ายได้เลยครับ
แต่ละครั้งที่ไป บรรยากาศก็จะแตกต่างกันไป ทำให้เราอยากกลับไปอีกหลาย ๆ ครั้ง
แต่แน่นอนว่าการจะได้เห็นทิวทัศน์อันงดงามของภูเขาขาวจากสะพานคัปปะเหมือนที่ทุกคนจินตนาการไว้นั้นเป็นเรื่องที่ยากมากครับ
ดังนั้นเมื่อได้เห็นแล้วจะรู้สึกประทับใจมาก!
แม้ว่าตอนนี้คามิโคจิจะเป็นอันดับหนึ่ง แต่จากประสบการณ์ที่ผมเคยไป ผมคิดว่าคามิโคจิจะยังคงเป็นที่สนใจในระดับต้น ๆ ต่อไปในอนาคตครับ
ถึงแม้ว่าการเดินทางไปจะยากเป็นอันดับต้น ๆ ด้วยก็เถอะครับ… (หัวเราะ)

Pimpla (สถาบันการตลาดไทย)
แล้วเรื่องการเดินทาง ค่า JR Pass ที่แพงขึ้นมีผลกระทบไหมครับ?
วิธีการเดินทางของลูกค้าเปลี่ยนไปไหมครับ?

คุณพลอย
ทางบริษัทเราเป็นตัวแทนของ Toyota Rent-a-Car ด้วยค่ะ และเห็นได้ชัดว่ามีลูกค้าจองรถเช่าเพิ่มขึ้นค่ะ
ส่วนหนึ่งก็มาจากราคา JR Pass ที่แพงขึ้นค่ะ แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือความสะดวกสบายค่ะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางแบบครอบครัวสามรุ่นก็จะใช้รถเช่าค่ะ
เพราะการเดินทางแบบครอบครัวจะมีสัมภาระเยอะมากค่ะ การขึ้นรถไฟอาจจะค่อนข้างวุ่นวาย
แต่ถ้าขับรถเองก็จะขนสัมภาระและเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระค่ะ
จะไปไหนก็ได้ พักเมื่อไหร่ก็ได้ และใช้เวลาได้อย่างอิสระค่ะ

คุณพลอย
ไม่กลัวนะคะ
เพราะว่าญี่ปุ่นขับรถพวงมาลัยขวาและวิ่งเลนซ้ายเหมือนกับที่ไทยเลยค่ะ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี
และใน SNS ก็มีคนบอกต่อกันว่าการขับรถในญี่ปุ่นง่ายกว่าที่ไทยมากค่ะ

คุณพลอย
เราจะบอกลูกค้าเสมอว่าให้ขับรถอย่างปลอดภัยเหมือนคนญี่ปุ่น ไม่ต้องขับเร็วค่ะ
แต่ที่น่ากังวลคือการขับรถบนถนนที่มีหิมะค่ะ มีลูกค้าที่จองที่พักในพื้นที่ที่มีหิมะตกเยอะด้วยเหมือนกัน แต่เราก็แนะนำให้ยกเลิกและใช้บริการรถบัสจะดีกว่าค่ะ

Pimpla (สถาบันการตลาดไทย)
การขับรถบนถนนที่มีหิมะน่ากลัวจริง ๆ ครับ ผมเองก็ขับด้วยความกลัวครับ
ผมก็คิดว่าใช้บริการรถบัสจะปลอดภัยกว่าครับ
แล้วการใช้รถเช่าที่เพิ่มขึ้นเป็นเพราะ Google Maps พัฒนาขึ้นด้วยใช่ไหมครับ?

คุณพลอย
ใช่ค่ะ
ระบบนำทางที่มากับรถเช่าค่อนข้างซับซ้อนค่ะ
เราแนะนำให้ลูกค้าทุกคนใช้ Google Maps ในญี่ปุ่นค่ะ
เพราะ Google Maps ในญี่ปุ่นมีความแม่นยำสูงมากค่ะ
ไม่เพียงแค่ถนนสำหรับรถยนต์ แต่ข้อมูลรถไฟและรถบัสก็ค่อนข้างแม่นยำและใช้ได้อย่างมั่นใจค่ะ
นี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทุกคนชื่นชมญี่ปุ่นมาก

Google Maps ในญี่ปุ่นสะดวกสบายจริง ๆ ค่ะ

Pimpla (สถาบันการตลาดไทย)
ผมก็ใช้ Google Maps ตลอดในญี่ปุ่นครับ
ใช้ Google Maps เป็นหลักในการหาร้านอาหารเลยครับ สะดวกจริง ๆ นะครับ

คุณพลอย
ลูกค้าของบริษัทเราก็บอกว่า Google Maps ในญี่ปุ่นช่วยให้หาร้านอาหารหรือร้านกาแฟได้ง่ายและเดินทางไปได้สะดวกด้วยค่ะ

Pimpla (สถาบันการตลาดไทย)
ขอถามเกี่ยวกับรถบัสทางด่วนในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางการเดินทางด้วยได้ไหมครับ?
ทุกคนมีข้อมูลเกี่ยวกับรถบัสทางด่วนในญี่ปุ่นเพียงพอไหมครับ?

คุณพลอย
บริษัทเราไม่ได้ให้บริการรถบัสทางด่วนค่ะ เลยมีข้อมูลไม่มากนัก
แต่เราจะบอกลูกค้าที่เช่ารถว่าบางครั้งอาจจะต้องเปลี่ยนไปใช้รถบัสแทนด้วยค่ะ
เพราะบางพื้นที่การใช้รถยนต์ไม่สะดวกค่ะ
อย่างโตเกียว, เกียวโต, หรือโอซาก้า ค่าจอดรถแพงมากและมีที่จอดน้อยมากค่ะ
ที่ได้ยินบ่อย ๆ คือ เส้นทางโตเกียว⇔ทะเลสาบคาวากุจิโกะเป็นที่นิยมมากค่ะ เพราะซื้อตั๋วผ่านเว็บไซต์ได้ง่าย และแค่ไปขึ้นรถบัสที่ชินจูกุเท่านั้นเอง พวกเขาบอกว่าการไปภูเขาไฟฟูจิด้วยรถบัสจะสะดวกและง่ายกว่าค่ะ
นอกจากนี้ บางพื้นที่อย่างคามิโคจิก็มีข้อห้ามนำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไป ก็ต้องใช้บริการรถบัสอยู่แล้วค่ะ

คุณพลอย
ฉันไม่รู้สึกว่าอันตรายนะคะ
ฉันใช้บริการคนเดียวบ่อยมากค่ะ สะดวกเพราะไม่ต้องย้ายสัมภาระด้วย
อีกอย่างคือ เพราะฉันอยู่ที่ไทยและเดินทางไปต่างจังหวัดด้วยรถบัสทางไกลเป็นประจำอยู่แล้ว ก็เลยชินค่ะ
แต่คนไทยส่วนใหญ่จะคิดว่าญี่ปุ่นต้องรถไฟค่ะ
พวกเขาคิดว่ารถไฟญี่ปุ่นสะดวก, รวดเร็ว, ตรงเวลา และไปได้ทุกที่ค่ะ
เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน พวกเขาก็คุ้นเคยกับการเปลี่ยนสายรถไฟมากขึ้นด้วยค่ะ

Pimpla (สถาบันการตลาดไทย)
สุดท้ายนี้ คุณคิดว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นในปีนี้จะเป็นอย่างไรบ้างครับ?

คุณพลอย

ฉันคิดว่าแนวโน้มการท่องเที่ยวแบบล้างแค้นของคนไทยยังคงดำเนินต่อไปอีกสักพักค่ะ นอกจากนี้ค่าเงินเยนก็ลดลงเรื่อย ๆ ด้วยค่ะ สถานการณ์ก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ
สายการบินไทยได้ประกาศเพิ่มเครื่องบินครั้งใหญ่ค่ะ
การเดินทางด้วยเครื่องบินก็จะเพิ่มขึ้นและราคาตั๋วก็จะลดลงด้วยค่ะ

ในอนาคตอาจจะ
ไปเที่ยวญี่ปุ่นปีละ 2 ครั้งก็ได้นะคะ เป็นไปได้ค่ะ
รออีกนิดนะคะ
คนไทยรักญี่ปุ่นมากค่ะ ❤

Pimpla (สถาบันการตลาดไทย)
ขอบคุณมากครับที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย
เรามาวางแผนทัวร์คามิโคจิ e-bike กันเถอะครับ!
ขอบคุณสำหรับวันนี้ครับ


<ความคิดเห็นของ Pimpila สถาบันการตลาดไทย>

จากการพูดคุยกับ PKG ในครั้งนี้ ทำให้ผมได้ตระหนักว่ารสนิยมและพฤติกรรมการเดินทางของคนไทยได้เปลี่ยนไปแล้วครับ โดยเฉพาะความชอบในเรื่องฤดูกาล, อาหาร, และการช้อปปิ้งที่แตกต่างออกไป เทรนด์ล่าสุดคือผู้คนจำนวนมากมองหา “สถานที่ที่ไม่เคยไปหรือทิวทัศน์ที่ไม่เคยเห็น” โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาญี่ปุ่นซ้ำหลายครั้ง นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่มาญี่ปุ่นครั้งแรกก็เริ่มสนใจการท่องเที่ยวในต่างจังหวัดมากขึ้น ไม่ใช่แค่ในตัวเมืองหรือสถานที่ท่องเที่ยวหลักเท่านั้นครับ
ในอนาคต ผมคิดว่าการดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยจะไม่ได้จำกัดอยู่แค่การแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ต้องนำเสนอเส้นทางที่ไม่เหมือนใครหรือประสบการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วยครับ และผมก็รู้สึกประหลาดใจที่คนไทยตรวจสอบข้อมูลจาก SNS และโพสต์เรื่องราวการเดินทางลง SNS มากกว่าที่เคย ผมรู้สึกว่าการใช้ SNS แพร่หลายมาก ดังนั้นการที่ผู้ประกอบการอัปเดตข้อมูลอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญครับ

ผมจะยังคงเผยแพร่ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับประเทศไทยต่อไป เพื่อแบ่งปันให้กับทุกท่านนะครับ

สถาบันการตลาดไทย
พิมพิลา อิราดี (PIMPILA IRADEE)